เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเดินทางถึงสนามบินนานาชาติในซานฟรานซิสโกของสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสี ลงจากเครื่องบินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รวมถึง เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ และนิโคลัส เบิร์นส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน ก่อนที่ประธานาธิบดีสีจะขึ้นรถลีมูซีนเดินทางออกจากสนามบินไป
จับตาเอเปค “ไบเดน” เตรียมฟื้นความสัมพันธ์ทางทหารกับจีน
สวนสัตว์แห่งชาติสหรัฐฯ ส่งแพนด้ายักษ์ 3 พ่อแม่ลูก กลับจีน
เช่นเดียวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เดินทางถึงซานฟรานซิสโกในวันเดียวกัน โดยมีเกวิน นิวซัม (Gavin Newsom) ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียให้การต้อนรับ การเดินทางเยือนซานฟรานซิสโกของประธานาธิบดีไบเดน นอกจากจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอเปคแล้ว เป้าหมายสำคัญคือการหารือแบบทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในประเด็นสำคัญคู่ขนานไปด้วย
ทั้งนี้ประธานาธิบดีไบเดนได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวก่อนเดินทางไปซานฟรานซิสโกว่า ตัวเขากำลังพยายามแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนให้ดีขึ้น หลังจากตึงเครียดมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะให้คำนิยามกับคำว่าความสำเร็จในการหารือกับประธานาธิบดีสีไว้อย่างไรประธานาธิบดีไบเดนได้ตอบว่า เป้าหมายในการหารือกับประธานาธิบดีสีในรอบนี้คือการฟื้นฟูช่องทางการสื่อสารตามปกติระหว่างสองมหาอำนาจ รวมถึงการติดต่อระหว่างทหารกับทหารของทั้งสองชาติเมื่อเกิดวิกฤต
หลายฝ่ายจับตาดูว่าประธานาธิบดีไบเดนจะสามารถฟื้นฟูการพูดคุยตามปกติกับจีนได้หรือไม่ หลังความสัมพันธ์ของ 2 ผู้นำไม่ค่อยดีนัก เพราะทั้งสองฝ่ายเห็นไม่ตรงกันในหลายเรื่องการเจอกันที่เวทีเอเปคในซานฟรานซิสโกจะเป็นการพบกันแบบตัวต่อตัวเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ไบเดนขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีเมื่อเดือนมกราคม 2021
ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดูได้จากการหารือทางออนไลน์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2021 ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่หารือแบบเห็นหน้ากัน หลังจากก่อนหน้านี้เป็นการพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ในช่วงต้นของการหารือทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โจ ไบเดน และสี จิ้นผิง โบกมือทักทายกัน ก่อนจะเริ่มพูดคุย
คราวนั้น ฝั่งผู้นำจีนทักทายไบเดนด้วยการเรียกว่า เพื่อนเก่า เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองเคยพบกันในปี 2013 ซึ่งในตอนนั้น โจ ไบเดน ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ด้านไบเดนก็ตอบรับคำทักทาย พร้อมระบุว่าตัวเขาตั้งตารอที่จะได้หารือกับผู้นำจีนมานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม การพูดคุยของทั้งสองหลังทักทายกันเป็นไปอย่างร้อนแรงจากประเด็นไต้หวัน ผู้นำสหรัฐฯ บอกผู้นำจีนว่า ยังคงเคารพในหลักการจีนเดียว แต่สหรัฐฯ จะไม่ปิดโอกาสในการสานสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการทูต และการทหารและที่สำคัญคือ สหรัฐฯ คัดค้านความพยายามในการเปลี่ยนแปลงสถานะของไต้หวัน ตลอดจนความพยายามในการบ่อนทำลายเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันด้วยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ผู้นำจีนตอบกลับประเด็นนี้ด้วยการเตือนประธานาธิบดีไบเดนว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนอธิปไตยของไต้หวันนั้น ไม่ต่างอะไรกับการเล่นกับไฟ พร้อมย้ำว่า ใครที่เล่นกับไฟก็มิวายที่จะถูกแผดเผาเสียเอง อย่างไรก็ตามหากตัดประเด็นไต้หวันออกไปแล้ว ในการพูดคุยล่าสุดหลายฝ่ายลงความเห็นว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น
โดยทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้พูดอีกหลายเรื่องที่เป็นข้อกังวลของสหรัฐฯ นับตั้งแต่การขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นธรรมของจีน การละเมิดสิทธิมนุษยชนกับผู้ประท้วงฮ่องกง ไปจนถึงชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ รวมถึงสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน ที่ถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคงของโลก
การพบปะกันระหว่างสองผู้นำมหาอำนาจของโลกถูกจับตามองอย่างมาก สำนักข่าวนิเคอิเอเชีย (Nikkei Asia) วิเคราะห์ว่าเป้าหมายของสี จิ้น ผิง และไบเดนในการเจอกันคราวนี้อาจเป็นการพยายามทำให้โลกเห็นว่า ความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานของพวกเขากำลังได้รับการเยียวยา
การเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทั้งทางทหาร และทางเศรษฐกิจ แม้ทั้งสองชาติจะมีมุมมองที่แตกต่างกันโดยพื้นฐานเกี่ยวกับอนาคตความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่สหรัฐฯ ต้องการสร้างรั้วกัน
เพื่อให้แน่ใจว่า การแข่งขันระหว่างสองชาติจะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง โอเรียนา สกายลาร์ มาสโตร (Oriana Skylar Mastro) นักวิชาการจีน เปิดเผยในงานสัมนาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จุดประสงค์ของการประชุมสุดยอดครั้งนี้ คือการส่งสัญญาณของผู้นำสองชาติมหาอำนาจให้โลกรู้ว่า พวกเขารู้ว่าโลกต้องการความมั่นคง และทั้งสองจะนั่งเคียงข้างกันเพื่อกล่าวถ้อยแถลงเชิงบวกร่วมกัน
รายงานวิเคราะห์จากนิเคอิเอเชียชี้ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งของโลกครั้งล่าสุดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ และจีน ถือเป็นแรงผลักดันที่แข็งแกร่งของทั้งสองชาติในการลดความตึงเครียดระหว่างกัน
โดยฝั่งของสหรัฐฯ ฝ่ายบริหารของไบเดน เพิ่งส่งคำของบประมาณเพิ่มเติมมหาศาลจากสภาคองเกรสเพื่อสนับสนุนพันธมิตรในยูเครน และอิสราเอลที่กำลังง่วนอยู่กับการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทำให้สหรัฐฯ ไม่สามารถเปิดแนวรบที่สาม ซึ่งมีขนาดใหญ่ในช่องแคบไต้หวันได้ และถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่จะต้องฟื้นช่องทางการสื่อสารระหว่างทหารของสองชาติอีกครั้ง เพื่อป้องกันและจัดการกับวิกฤต หลังจากจีนระงับการสื่อสารผ่านช่องทางทั้งหมดตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2022 เพื่อตอบโต้การเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น
ส่วนจีนเองก็มีเหตุผลที่ต้องมานั่งเจรจาหารือกับสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ถง จ้าว (Tong Zhao) นักวิชาการวิจัยในโครงการวิทยาศาสตร์และความมั่นคงโลกของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันชี้ว่า จากสถิติอัตราการเกิดของประชากรในจีนที่ลดลง ประกอบกับเศรษฐกิจของจีนที่ชะงักงัน ทำให้ประธานาธิบดีสีตระหนักว่า จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากทั้งในและต่างประเทศ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จีนอาจมองว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จีนจะพลิกสถานการณ์ และทำลายความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ
การรักษาเสถียรภาพในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งยังคงขึ้นอยู่กับการค้าระหว่างโลกภายนอกอย่างมาก นอกจากนี้ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังจะช่วยให้ประธานาธิบดีไบเดน ได้คะแนนนิยมเพิ่มสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้าได้ หากความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจมีเสถียรภาพมากขึ้น
นอกจากนี้การประชุมสุดยอดของประธานาธิบดีไบเดน และประธานาธิบดีสี ยังเกิดขึ้นสองเดือนก่อนการเลือกตั้งของประธานาธิบดีไต้หวันด้วย และจีนเองก็คงจะพอใจที่ไต้หวันได้ผู้นำที่เป็นมิตรกับจีน มากกว่าประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ซึ่งดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 และไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การตกลงเข้าร่วมประชุมของประธานาธิบดีสีกับประธานาธิบดีไบเดน มีขึ้นเพราะฝ่ายจีนรู้สึกมั่นใจว่า สหรัฐฯ เองจะไม่แถลงข้อความที่เป็นข้อขัดแย้งเกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน
เช็กปีชง 2567 นักษัตรไหน "ชงตรง-ชงร่วม" พร้อมแนะวันที่ควรแก้ชง
เชียร์ "แอนโทเนีย" รอบตัดสิน Miss Universe 2023 เช้า 19 พ.ย.นี้
อัปเดต! ปฏิทินวันหยุด 2567 เช็กวันหยุดราชการ-วันหยุดธนาคาร